แว่นตาจอภาพ"โปร่งใส"เชื่อมต่อเน็ตไร้สาย

ไม่มีความคิดเห็น
Epson Moverio BT-100 แว่นตาจอภาพ (จอแสดงผลที่ออกแบบเหมือนแว่นตา โดยผู้สวมใส่จะมองเห็นภาพที่ปรากฎบนกระจกของแว่นตา ซึ่งจะดูใหญ่มาก เพราะอยู่ใกล้ตา) สำหรับการรับชมสื่อต่างๆ ผู้ชมที่สวมใส่ BT-100 จะสามารถมองเห็นภาพ หรือวิดีโอปรากฎบนกระจกแว่นตาที่โปร่งใสมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้ โดยเมื่อบังคับสายตาให้มองใกล้ระยะกระจกก็จะให้ความรู้สึกเหมือนว่า กำลังรับชมวิดีโอ 3D บนจอขนาด 80 นิ้ว ในขณะที่สามารถมองไกลทะลุกระจก เพื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้อีกด้วย...ว้าว!!!




แว่นตาจอภาพของ BT-100 จะมีขนาดข้างละ 0.52 นิ้วความละเอียดระดับ qHD (960 x 540 พิกเซล) ซึ่งหากคำนวณตามหลักการมองเห็นจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังชมภาพหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 320 นิ้วที่ระยะห่าง 20 เมตร (หรือเทียบเท่ากับดูทีวี 80 นิ้วในระยะใกล้) ตัวแว่นตาจอภาพจะมีขนาดใหญ่กว่าแว่นตาทั่วไปไม่มากนัก ผู้ใช้สามารถนำติดตัวไปใช้ในที่่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดย BT-100 จะประกอบด้วยแว่นตาจอภาพพร้อมชุดหูฟังที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ควบคุมขนาดเล็กที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 2.2 สามารถเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi เพื่อดึงคอนเท็นต์จากอินเทอร์เน็ตเข้ามารับชมบนแว่นตาจอภาพได้ โดยแบตเตอรี่ของ BT-100 จะใช้งานต่อเนื่องได้นาน 6 ชั่วโมง สตอเรจภายในเครื่อง 1GB แต่จะมีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ SDHC ที่รองรับได้สูงสุด 32GB ทาง Epson คาดว่าจะเริ่มวางตลาด BT-100 ในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ศกนี้ สนนราคาอยู่ที่ 50,000 เยน หรือประมาณ 20,000 บาท คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ล่ะครับ อยากได้ไว้ใช้สักเครื่องไหม?
ข้อมูลจาก: Epson

ไม่มีความคิดเห็น :

Camera Mouse ใช้"หัว"ของคุณควบคุม"พอยน์เตอร์"ของเมาส์

ไม่มีความคิดเห็น

สำหรับฟรีแวร์ตัวนี้เริ่มต้นจากการเป็นผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Boston โดยออกแบบให้ผู้พิการทางร่างกายสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างผู้ใช้ทั่วไป Camera Mouse ฟรีแวร์ที่มีขนาดของไฟล์โปรแกรมเล็กมาก แต่มีการทำงานที่น่าอัศจรรย์ เนื่องจากมันสามารถทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการเคลื่อนที่ของพอยน์เตอร์ (pointer) เมาส์ได้ด้วยการเคลื่อนไหวศรีษะไปในทิศทางที่ต้องการ โดยฟรีแวร์ตัวนี้สามารถทำงานได้บนพีซี หรือโน้ตบุ๊คที่รัน Windows และมีเว็บแคม ซึ่งเมื่อผู้ใช้ติดตั้ง Camera Mouse เข้าไปในครั้งแรก จะต้องปรับแต่งความเร็ว และความแม่นยำของการทำงาน หลังจากนั้นคุณก็จะสามารถควบคุมพอยน์เตอร์ของเมาส์บนหน้าจอให้ไปในทิศทางต่างๆ ได้ดังใจที่ต้องการ
ในส่วนของการคลิกเมาส์ เมื่อบังคับพอยน์เตอร์ไปบนปุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 1 วินาที โปรแกรมจะคลิกให้เอง ส่วนการดับเบิ้ลคลิก ต้องเลือกเปิดฟังก์ชัน double click ซึ่งจะมีปุ่มควบคุมการดับเบิ้ลคลิ้กบนหน้าจอควบคุมการใช้งาน เมื่อเลื่อนพอยน์เตอร์ไปคลิกปุ่มนี้ การคลิกครั้งต่อไปจะเป็นดับเบิ้ลคลิก อาจจะลำบากสักหน่อย แต่สำหรับผู้พิการแล้วมันช่วยได้มากทีเดียว ส่วนผู้ใช้ทั่วไปอาจจะนำไปใช้ควบคุมเกมส์ง่ายๆ บนคอมพิวเตอร์ อย่างเช่น เกมเปิดป้ายภาพเหมือน หรือเกมส์จับผิดภาพ เพื่อแข่งความเร็ว และความแม่นยำในการควบคุมก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ :D

ไม่มีความคิดเห็น :

IE9 กราฟิกเร็วกว่า Chrome5 ถึง 12 เท่า

ไม่มีความคิดเห็น

IE9
บล็อก IE ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) อ้างว่า บราวเซอร์ ChromeFirefox และ Safari ไม่เหมาะกับการจัดการคอนเท็นต์ HTML5 เนื่องจาก Internet Explorer 9 จะมาพร้อมกับคุณสมบัติเร่งการเรนเดอร์กราฟิกด้วยฮาร์ดแวร์ หรือ D2D ซึ่งผลลัพธ์ทำให้ความเร็วในการเร็นเดอร์ภาพเคลื่อนไหว HTML ของ Internet Explorer 9 เร็วกว่า Chrome 5 ถึง 12 เท่า
ie-9-graphic-rendering-faster-than-chrome-5-2
เพื่อพิสูจน์คำอ้างดังกล่าว ไมโครซอฟท์ใช้ Flickr Explorer แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการเร็นเดอร์กราฟิกของ Internet Explorer 9 แม้ว่าสมรรถนะในการรัน JavaScript ของ Internet Explorer 9 จะสู้ Chrome และ Safari ไม่ได้ แต่การเร็นเดอร์กราฟิกของบราวเซอรรุ่นใหม่ถือว่าเยี่ยมยอดที่สุด ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า Internet Explorer 9 เวอร์ขัน Platform Preview 2 สามารถรีเฟรชหน้าเว็บได้ภายในเวลา 0.019 วินาทีFirefox 3.7a5 0.12 วินาที Chrome 5 ใช้เวลาถึง 0.22 วินาที ส่วน Internet Explorer 8 อยู่ที 0.25 วินาที
ประเด็นก็คือ Firefox 3.7a5 มีคุณสมบัติเร่งการเร็นเดอร์กราฟิกด้วยฮาร์ดแวร์เช่นเดียวกัน แต่มันจะถูกปิด (disable) ไว้ทีดีฟอลต์ ซึ่งในบล็อกของไมโครซอฟท์ระบุว่า “เมื่อใดก็ตามที่ Firefox เวอร์ชันทดสอบเปิดคุณสมบัติการเร่งกราฟิกที่ดีฟอลต์ เมื่อนั้นเราจะเผยแพร่ผลการทดสอบอีกครั้ง” ทางบริษัทยังรายงานอีกด้วยว่า Internet Explorer 9Platform Preview 2 ยังไม่ได้ใช้อินเตอร์เฟซอย่างเป็นทางการ ส่วน Firefox 3.6.4 จะยังไม่มีคุณสมบัติเร่งกราฟิกด้วยฮาร์ดแวร์ D2D hardware acceleration แต่อาจจะมีอยู่ใน Firefox 4.0 เวอร์ชันทดสอบที่มีกำหนดการเปิดตัวปลายเดือนมิถุนายนนี้

ข้อมูลจาก : arip.co.th

ไม่มีความคิดเห็น :

Google Me Social Network พันธุ์ใหม่

ไม่มีความคิดเห็น

ข่าวลือก่อนหน้านี้อ้างว่า Google เตรียมเปิดบริการใหม่ที่เรียกว่า ” Google Me ” โดยเป้าหมายคือ โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทางบริษัทพัฒนาออกมาต่อกรกับ Facebook ข่าวดังกล่าวได้ถูกนำมาหยิบยกพูดถึงกันอีกครั้ง เมื่ออีริค ชมิดท์ ซีอีโอของ Google ได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับบริการใหม่ที่ว่านี้
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Eric Schmidt ซีอีโอ Google ได้ให้รายละเอิยดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการของบริษัท ซึ่งมีประเด็นหนึ่งที่ มีการนำมาขยายความกันต่อนั่นก็คือ แผนการเข้าสู่สมรภูมิโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยชมิดท์ได้ตอบคำถามที่ว่า โซเชียลเน็ตเวิร์กมีความสำคัญต่ออนาคตของ Google อย่างไร? และ Google จะต่อสู้กับคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรง (Facebook) ได้อย่างไร?
Schmidt กล่าวว่า “เรามองโซเชียลเน็ตเวิร์กแตกต่างจากทุกคนที่กำลังเขียนถึงมัน สิ่งที Google ต้องการคือ การทำให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นโดยใช้ข้อมูล จากโซเชียลฯ สิ่งที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นถ้า Facebook เปิดเครือข่าย และให้เราเข้าไปใช้ข้อมูลนั้นได้ แต่ถึงแม้จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เราก็มีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้ได้ข้อมูลเหล่านั้น เรากำลังพยายามเพิ่มองค์ประกอบของโซเชียลเน็ตเวิร์ก (เข้าไปในผลิตภัณฑ์หลัก) เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Google ดีขึ้น ด้วยการยินยอมจากผู้ใช้ โดยเฉพาะการที่เราสามารถรู้ได้ว่า ใครคือเพื่อนของคุณ เราจะสามารถแนะนำสิ่งที่ผู้ใช้แต่ละคนต้องการได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม รวมถึงคุณภาพการค้าหาที่ดีกว่าด้วย”
นอกจากคำกลาวของชมิดท์แล้ว แหล่งข่าวที่เคยทำงานกับ Google ได้พูดถึงบริการใหม่ว่า “Google Me ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ แต่มันเป็นเลเยอร์ของการทำงานแบบโซเชียลบนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด (ฟังดูไม่ค่อยจะเห็นประโยชน์กับผู้ใช้สักเท่าไร)” นอกจากนี้แหล่งข่าวยังกล่าวว่า ” Google Me จะผลักดันให้เกิดกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ที่มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Google ทั้งหมด โดยมี Google Buzz ที่จะได้รับการปัดฝุ่นใหม่ให้ทำหน้าที่่เป็นตัวกลาง แต่ปัจจุบัน Google Buzz ยังไม่ได้ทำงานร่วมกับ Google Apps” แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า Google จะเดินหมากนี้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือ ทางบริษัทคงจะไม่ยอมให้ Facebook ครองข้อมูล และส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้ไปอย่างนี้นานๆ อย่างแน่นอน Google Me จะเป็นกาวประสานใจของผู้ใช้ทั่วโลกด้วย Google Apps และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายที่ดีกว่า การใช้แอพฯ และแลกเปลียนความคิดเห็นกันใน Facebook หรือไม่? คงต้องติดตามกันต่อไป
ข้อมูลจาก : arip

ไม่มีความคิดเห็น :

OLED เทคโนโลยีใหม่สำหรับจอภาพ

ไม่มีความคิดเห็น

OLED ( Organic Light Emitting Devices ) ทางบริษัท TDK ได้นำเสนอเทคโนโลยี OLED จอแสดงผลรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติคล้ายฟิล์ม คือมีความโปร่งใสจนสามารถมองเห็นทะลุได้ และจะเปล่งแสงเมื่อได้รับ พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพในขณะที่จอถูกดัดให้โค้งงอได้อีกด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีจอแสดงผลชนิดนี้ที่เหนือกว่าจอที่ทำจาก แก้วที่แตกร้าวได้ง่าย
TDK คาดว่าจะเริ่มผลิตฟิล์มแสดงผลภายในหนึ่งปี นั่นหมายความว่า เราอาจจะได้เห็นมือถือที่ใช้จอ OLED ชนิดนี้ก่อนสิ้นปี 2011 ก็ได้ โดยนอกจากจะผลิตจอแสดงผลดังกล่าว เพื่อใช้กับมือถือแล้ว TDK ยังมองว่า ฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ยังเหมาะกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สวมใส่ (wearable electronics) อย่างเช่น แว่นตาแสดงผล Augmented Reality ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ตรงหน้า และภาพกราฟิกที่ปรากฎบนฟิล์ม OLED ที่ใช้แทนกระจกแก้ว หรือด้วยความที่มันมีความยืดหยุ่นโค้งงอได้
ในบูธของ TDK ยังได้มีการนำเสนอสายรัดข้อมือที่มาพร้อมกับฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ รวมถึงใน อนาคตสามารถพัฒนาเป็นวิวไฟน์เดอร์ของกล้องถ่ายรูป หรือแม้แต่ใช้หน้าจอชนิดนถ่ายรูปสำหรับ Cameraphone ได้เลย จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ภาพที่สว่างสดใสจนสามารถมองเห็นภายใต้แสงสว่างในธรรมชาติ และพวกที่ชอบก้ม หน้าดูมือถือเวลาเดินก็จะไม่ตกท่อ เพราะจอใส :สำหรับต้นแบบที่นำมาโชว์จะมีขนาด 2 และ 3.5 นิ้ว แต่จะมีความละเอียดสูงถึง 200 พิกเซลต่อนิ้ว
ข้อมูลจาก : arip

ไม่มีความคิดเห็น :

Google เปิดสำนักงานในไทย

ไม่มีความคิดเห็น

 
หลังจากที่ Google เปิดสำนักงานที่มาเลเซีย ได้ไม่นาน ก็มีข่าวว่า Google จะเปิดสำนักที่ไทยเช่นกัน ล่าสุดวันที่ 24 สิงหาคม 2554  Google ได้ฤกษ์เปิดสำนักงานในไทย ซึ่งได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ พระราชวัง พญาไท
Google ได้รับกระแสตอบรับจนมียอดใช้งานของคนไทยที่สูงมากราวๆ 25 ล้านคน  Google ตื่นเต้นกับการทำธุระกิจในประเทศไทย ซึ่งในงานนนี้ คุณอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำประเทศไทย ได้แถลงกล่าว
มร.จูเลี่ยน เพอร์ซูด กรรมการผู้จักการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวยินดีเป็นอย่างมากที่ Google จะเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มศักยภาพของเมืองไทยให่แข็งแกร่งขึ้น  และยืนยันว่า สำนักงานแห่งแรกของ Google จะตั้งอยู่ที่ Central World
นอกจากนี้ทาง “พรทิพย์ กองชุน” หัวหน้าฝ่ายการตลาดที่ร่วมบุกเบิก Google ในไทยตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมาก็ได้กล่าวถึงความสำเร็จของบริษัทด้วย
“Google มีนโยบายทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตจะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถออนไลน์เพื่อสร้างรายได้มาก ขึ้น ทำให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การเรียนรู้ของประชาชนทุกระดับเป็นไปได้ง่ายและมี ประสิทธิภาพขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นโอกาสของเรา”
ขณะนี้ Google ยังประกาศรับสมัคร ผู้ร่วมงานคนไทย 3 ตำแหน่ง ผ่านทางเว็บไซต์ของ Google Thailand ได้แก่
  • Account Manager, Technology/Finance – Bangkok
  • Industry Manager, Technology/CPG – Bangkok
  • Industry Manager, Travel/Finance – Bangkok
ผู้ใดสนใจร่วมงานกับ Google สามารถสมัครได้ที่ Google Thailand ซึ่งคาดว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยไฝ่ฝันร่วมงานกับ Google
บทสัมภาษณ์ คุณอริยะ พนมยงค์
  
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : it.compgamer.com , thumbsup.in.th

ไม่มีความคิดเห็น :

เกรเกอร์ เมนเดล

ไม่มีความคิดเห็น
เกรเกอร์ เมนเดล (20 กรกฎาคม พ.ศ. 2365 - 6 มกราคม พ.ศ. 2427) บิดาทางพันธุศาสตร์ เกิดที่เมืองไฮน์เซนดรอฟ ประเทศออสเตรีย เป็นบุตรชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 3 คน ของครอบครัวชาวนาที่ยากจน โดยต่อมา เมนเดลได้ไปบวชแล้วได้รับตำแหน่งรับผิดชอบดูแลสวน ในปี พ.ศ. 2390

บิดาทางพันธุศาสตร์

เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล เกิดในปี ค.ศ.1822 เป็นบาทหลวงชาวออสเตรีย และในขณะเดียวกันเขาก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือให้แก่นักเรียน สอนนักเรียน ถึงเรื่องพันธุ์กรรมด้วย เมนเดลมีความสนใจศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ด้านพันธุศาสตร์ เขาได้ใช้สถานที่ภายในบริเวณวัดเพื่อทำการทดลองสิ่งต่างๆ ที่เขาสนใจ เมนเดลเริ่มต้นทดลองเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1856 เรื่องที่เขาทำการทดลองคือ การรวบรวมต้นถั่วหลายๆพันธุ์นำมาผสมกันหลายๆวิธีเขาใช้เวลาทดลองต่อเนื่องถึง 7 ปี จนได้ข้อมูลมากเพียงพอ ในปี ค.ศ.1865 เมนเดล จึงได้ รายงานผลการทดลอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ ต้นถั่ว ให้แก่ที่ประชุม Natural History Society ในกรุงบรุนน์ ( Brunn ) ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ออกไปทั่วทวีปยุโรปและ อเมริกาในปีต่อมาคือปี ค.ศ.1866 ผลงานของเขาถูกปล่อยไว้นานถึง 34 ปี จนกระทั่งปี ค.ศ.1900 ได้มีนัก ชีววิทยา 3 ท่าน คือ ฮูโก เดอฟรีส์ ชาวฮอลันดา คาร์ล คอร์เรนส์ ชาวเยอรมันและ เอริช ฟอน แชร์มาค ชาวออสเตรเลีย ได้ทดลองผสมพันธุ์พืชชนิดอื่นๆ และได้ผลการทดลองตรงกับที่เมนเดลเคยรายงานไว้ ทำให้เมนเดลเป็นที่รู้จัก ในวงการพันธุศาสตร์นับแต่นั้นเป็นต้นมา

เขาได้รับการ สถาปนาสมณศักดิ์เป็นเจ้าอาวาสประจำโบสถ์ที่ Alt Brünn ภาระงานบริหารได้ทำให้เขาไม่มีเวลาทำการทดลองเรื่องการ ผสมพันธุ์พืชอีกเลย จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1884 ขณะมีอายุได้ 61 ปี ด้วยโรคหัวใจวาย ศพของเขาได้ถูกนำ ไปฝังที่สุสานใกล้โบสถ์ ในพิธีศพมีสานุศิษย์และชาวบ้านที่ได้เดินทางมาไว้อาลัยนักบวชคนหนึ่ง ซึ่งได้อุทิศชีวิตให้ทานแก่ผู้ยากไร้ แต่ไม่มีใครเลยจะรู้สักนิดว่า พวกเขากำลังร่ำลาอาลัยนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก

ไม่มีความคิดเห็น :