เนลสัน แมนเดลา
เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ด้วยวัย 95 ปี หลังจากต่อสู้กับปัญหาสุขภาพมาอย่างยาวนาน ในวันที่ 6 ธันวาคม 2556 ชื่อของ เนลสัน แมนเดลา เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในนามของนักสู้ผู้ต่อต้านการเหยียดผิวและ นักรณรงค์เพื่อสันติภาพจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2536 รวมถึงการเป็นประธานาธิบดีของอัฟริกาใต้ที่เป็นที่รักของประชาชนมากที่ สุดในประวัติศาสตร์อัฟริกา เรามาทราบประวัติของเนลสัน แมนเดลา รวมถึงวาทะ คำคมของเนลสัน แมนเดลาที่หลายคนประทับใจ ทั้งในเรื่องมุมมองในการทำงาน การมองโลก และการใช้ชีวิตค่ะ
ประวัติ เนลสัน แมนเดลา
เนลสัน โรลิฮฺลาฮฺลา มันเดลา (Nelson Rolihlahla Mandela) เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ที่เมืองทรานส์คีย์ ประเทศแอฟริกาใต้ เนลสันเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าเทมบู ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในอัฟริกาใต้ เมื่อบิดาเสียชีวิตลงเขาก็รับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแทน โดยมีลุงเป็นพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ และความด้วยความเป็นลูกของชนชั้นสูงประจำเผ่า เนลสันจึงได้เรียนหนังสืออย่างดีที่สุดกับมิชชั่นนารีชาวอังกฤษ
การเรียนนี้เองที่ทำให้เขามีโลกทัศน์ที่แตกต่างไปจากคนในเผ่า และเมื่อโตขึ้น เนลสัน แมนเดลาได้รับศึกษาปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟอร์ตแฮร์ ที่ซึ่งเขาได้พบกับโอลิเวอร์ แทมโบ แทมโบกับแมนเดลาได้เป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทกันไปตลอดชีวิต แมนเดลายังได้เป็นเพื่อนสนิทกับญาติคนหนึ่งชื่อ ไคเซอร์ (Kaiser "K.D.") มาตันซิมา ซึ่งเป็นทายาทของราชวงศ์เทมบูฝั่งขวา และอยู่ในฐานะผู้สืบทอดแคว้นทรานส์คีย์ ด้วยตำแหน่งนี้ทำให้เขาเข้าไปเกี่ยวพันกับนโยบาย Bantustan การที่เขาให้การสนับสนุนนโยบายนี้ทำให้เขากับแมนเดลามีความคิดเห็นทางการเมืองขัดแย้งกัน เมื่อแมนเดลาเรียนจบชั้นปีที่หนึ่ง เขาได้เข้าร่วมในสภาผู้แทนนักศึกษา (Students' Representative Council หรือ SRC) เดินขบวนต่อต้านนโยบายของมหาวิทยาลัย จนถูกไล่ออกและไม่ให้กลับมาอีก นอกจากจะยอมรับนโยบายของทางมหาวิทยาลัย แมนเดลาจึงหันไปศึกษาปริญญาตรีด้านกฎหมายหลักสูตรทางไกลกับมหาวิทยาลัยลอนดอน
หลังจากออกจากฟอร์ตแฮร์ไม่นาน กษัตริย์จองกินตาบาก็ประกาศจัดการแต่งงานให้กับแมนเดลาและ จัสติส (ราชโอรสและรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์) เด็กหนุ่มทั้งสองไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก จึงหนีออกไปยังเมืองโยฮันเนสเบิร์ก เมื่อไปถึงที่นั่น มันเดลาได้เริ่มทำงานเป็นยาม เฝ้าเหมืองแต่ต่อมาไม่นานก็ถูกเลิกจ้าง เพราะนายจ้างทราบมาว่าเขาเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่หนีมา หลังจากนั้นแมนเดลาได้เข้าทำงานเป็นเสมียนตรวจเอกสารในสำนักงานทนายความแห่ง หนึ่งในโยฮันเนสเบิร์กที่มีชื่อว่า Witkin, Sidelsky and Edelman โดยอาศัยเส้นสายของเพื่อนและพี่เลี้ยง คือ วอลเตอร์ ซิซูลู ขณะกำลังทำงานที่นี่ แมนเดลาสำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งอัฟริกาใต้โดยการเรียนทางไกล จากนั้นเขาศึกษาต่อทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สรันด์ ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้พบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากมายที่ต่อมาได้ร่วมขบวนการ ต่อต้านการเหยียดผิว เช่น โจ สโลโว, แฮร์รี่ ชวาร์ซ และ รูธ เฟิสต์ ระหว่างเวลานี้แมนเดลาอาศัยอยู่ที่เมืองอเล็กซานดรา ทางตอนเหนือของโยฮันเนสเบิร์ก
หลังจากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2491 ชัยชนะได้ตกเป็นของพรรคชาตินิยม (National Party) ซึ่งสนับสนุนนโยบายการแบ่งแยกสีผิวอย่างรุนแรง แมนเดลาเริ่มต้นเข้าร่วมมีบทบาททางการเมือง เขาเป็นผู้นำคนสำคัญในโครงการรณรงค์ต่อต้านของสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน (เอเอ็นซี) ในปี พ.ศ. 2495 และเข้าร่วมสมัชชาประชาชนในปี พ.ศ. 2498 ซึ่งมีหลักการพื้นฐานในการต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว เขาและผู้ร่วมอุดมการณ์ยืนหยัดต่อสู้มาโดยตลอดและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ถูกจำคุกนานถึง 27 ปี ในข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย จนถูกปล่อยตัวเขาก็ยังเดินหน้าต่อสู้เรื่องการเหยียดสีผิว จนในปี 2537 เนลสัน แมนเดลา ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอัฟริกาใต้ ที่เลือกตั้งมาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเข้าดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2537-2542 ในช่วงก่อนดำรงตำแหน่งงานเป็นแกนนำในการต่อต้านการเหยียดผิว ซึ่งพยายามแบ่งแยกคนผิวสีออกจากคนผิวขาวในอัฟริกาใต้ และถูกจำคุกนานถึง 27 ปี ในข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ก็ไม่เคยลดละความตั้งใจที่จะนำความเสมอภาคมาสู่ชาวผิวสีพื้นเมืองซึ่ง เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ และแล้วก็ทำได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการสันติภาพขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ จนได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 2536 แม้ปัจจุบันแมนเดลาจะละจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว ท่านก็ยังได้รับยกย่องอย่างสูงในฐานะรัฐบุรุษอาวุโสของประเทศ และยังคงเป็นที่รักของประชาชนชาวอัฟริกาใต้เสมอมา
คำคมของ เนลสัน แมนเดลา
It always seems impossible until it’s done.ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เสมอ จนกว่าจะลงมือทำจนเป็นรูปเป็นร่างAfter climbing a great hill, one only finds that there are many more hills to climb.หลังจากพิชิตภูเขาอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว คนเราจะค้นพบว่า ยังมีภูเขาอีกมากมายให้ปีนป่ายกันต่อไปThere is nothing like returning to a place that remains unchanged to find the ways in which you yourself have altered.ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการกลับไปยืนที่เดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างIf you want to make peace with your enemy, you have to work with your enemy. Then he becomes your partner.ถ้าเราอยากจะสร้างสันติกับศัตรู เราจะต้องจับมือกับศัตรู แล้วศัตรูก็จะกลายเป็นหุ้นส่วนของเราEducation is the most powerful weapon which you can use to change the world.การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงโลกIf you talk to a man in a language he understands, that goes to his head. If you talk to him in his language, that goes to his heart.หากคุณพูดกับใครสักคนด้วยภาษาที่เขาเข้าใจ คำพูดเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังสมองของเขาแต่หากคุณพูดกับใครสักคนด้วยภาษาของเขา คำพูดเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังหัวใจThe brave man is not he who does not feel afraid, but he who conquers that fear.คนกล้าหาญไม่ใช่คนที่ไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไร แต่คือคนที่เอาชนะความกลัวที่มีได้ต่างหากFreedom would be meaningless without security in the home and in the streets.เสรีภาพจะไม่มีความหมายเลย หากปราศจากความปลอดภัยในบ้านและท้องถนนResentment is like drinking poison and then hoping it will kill your enemies.ความขุ่นเคือง คือการที่คุณดื่มยาพิษ แล้วหวังให้ผู้อื่นตายIf there are dreams about a beautiful South Africa, there are also roads that lead to their goal.Two of these roads could be named Goodness and Forgiveness.หากเรามีความฝันถึงสังคมแอฟริกาใต้อันงดงาม ก็มี 2 เส้นทางที่นำพาให้ไปถึงจุดหมายนั้นได้ และ 2 เส้นทางที่ว่านั้น ชื่อว่า "ความดี" และ "การให้อภัย"
สมัครสมาชิก:
บทความ
(
Atom
)
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น