เนลสัน แมนเดลา
เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ด้วยวัย 95 ปี หลังจากต่อสู้กับปัญหาสุขภาพมาอย่างยาวนาน ในวันที่ 6 ธันวาคม 2556 ชื่อของ เนลสัน แมนเดลา เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในนามของนักสู้ผู้ต่อต้านการเหยียดผิวและ นักรณรงค์เพื่อสันติภาพจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2536 รวมถึงการเป็นประธานาธิบดีของอัฟริกาใต้ที่เป็นที่รักของประชาชนมากที่ สุดในประวัติศาสตร์อัฟริกา เรามาทราบประวัติของเนลสัน แมนเดลา รวมถึงวาทะ คำคมของเนลสัน แมนเดลาที่หลายคนประทับใจ ทั้งในเรื่องมุมมองในการทำงาน การมองโลก และการใช้ชีวิตค่ะ
ประวัติ เนลสัน แมนเดลา
เนลสัน โรลิฮฺลาฮฺลา มันเดลา (Nelson Rolihlahla Mandela) เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ที่เมืองทรานส์คีย์ ประเทศแอฟริกาใต้ เนลสันเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าเทมบู ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในอัฟริกาใต้ เมื่อบิดาเสียชีวิตลงเขาก็รับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแทน โดยมีลุงเป็นพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ และความด้วยความเป็นลูกของชนชั้นสูงประจำเผ่า เนลสันจึงได้เรียนหนังสืออย่างดีที่สุดกับมิชชั่นนารีชาวอังกฤษ
การเรียนนี้เองที่ทำให้เขามีโลกทัศน์ที่แตกต่างไปจากคนในเผ่า และเมื่อโตขึ้น เนลสัน แมนเดลาได้รับศึกษาปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟอร์ตแฮร์ ที่ซึ่งเขาได้พบกับโอลิเวอร์ แทมโบ แทมโบกับแมนเดลาได้เป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทกันไปตลอดชีวิต แมนเดลายังได้เป็นเพื่อนสนิทกับญาติคนหนึ่งชื่อ ไคเซอร์ (Kaiser "K.D.") มาตันซิมา ซึ่งเป็นทายาทของราชวงศ์เทมบูฝั่งขวา และอยู่ในฐานะผู้สืบทอดแคว้นทรานส์คีย์ ด้วยตำแหน่งนี้ทำให้เขาเข้าไปเกี่ยวพันกับนโยบาย Bantustan การที่เขาให้การสนับสนุนนโยบายนี้ทำให้เขากับแมนเดลามีความคิดเห็นทางการเมืองขัดแย้งกัน เมื่อแมนเดลาเรียนจบชั้นปีที่หนึ่ง เขาได้เข้าร่วมในสภาผู้แทนนักศึกษา (Students' Representative Council หรือ SRC) เดินขบวนต่อต้านนโยบายของมหาวิทยาลัย จนถูกไล่ออกและไม่ให้กลับมาอีก นอกจากจะยอมรับนโยบายของทางมหาวิทยาลัย แมนเดลาจึงหันไปศึกษาปริญญาตรีด้านกฎหมายหลักสูตรทางไกลกับมหาวิทยาลัยลอนดอน
หลังจากออกจากฟอร์ตแฮร์ไม่นาน กษัตริย์จองกินตาบาก็ประกาศจัดการแต่งงานให้กับแมนเดลาและ จัสติส (ราชโอรสและรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์) เด็กหนุ่มทั้งสองไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก จึงหนีออกไปยังเมืองโยฮันเนสเบิร์ก เมื่อไปถึงที่นั่น มันเดลาได้เริ่มทำงานเป็นยาม เฝ้าเหมืองแต่ต่อมาไม่นานก็ถูกเลิกจ้าง เพราะนายจ้างทราบมาว่าเขาเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่หนีมา หลังจากนั้นแมนเดลาได้เข้าทำงานเป็นเสมียนตรวจเอกสารในสำนักงานทนายความแห่ง หนึ่งในโยฮันเนสเบิร์กที่มีชื่อว่า Witkin, Sidelsky and Edelman โดยอาศัยเส้นสายของเพื่อนและพี่เลี้ยง คือ วอลเตอร์ ซิซูลู ขณะกำลังทำงานที่นี่ แมนเดลาสำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งอัฟริกาใต้โดยการเรียนทางไกล จากนั้นเขาศึกษาต่อทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สรันด์ ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้พบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากมายที่ต่อมาได้ร่วมขบวนการ ต่อต้านการเหยียดผิว เช่น โจ สโลโว, แฮร์รี่ ชวาร์ซ และ รูธ เฟิสต์ ระหว่างเวลานี้แมนเดลาอาศัยอยู่ที่เมืองอเล็กซานดรา ทางตอนเหนือของโยฮันเนสเบิร์ก
หลังจากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2491 ชัยชนะได้ตกเป็นของพรรคชาตินิยม (National Party) ซึ่งสนับสนุนนโยบายการแบ่งแยกสีผิวอย่างรุนแรง แมนเดลาเริ่มต้นเข้าร่วมมีบทบาททางการเมือง เขาเป็นผู้นำคนสำคัญในโครงการรณรงค์ต่อต้านของสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน (เอเอ็นซี) ในปี พ.ศ. 2495 และเข้าร่วมสมัชชาประชาชนในปี พ.ศ. 2498 ซึ่งมีหลักการพื้นฐานในการต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว เขาและผู้ร่วมอุดมการณ์ยืนหยัดต่อสู้มาโดยตลอดและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ถูกจำคุกนานถึง 27 ปี ในข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย จนถูกปล่อยตัวเขาก็ยังเดินหน้าต่อสู้เรื่องการเหยียดสีผิว จนในปี 2537 เนลสัน แมนเดลา ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอัฟริกาใต้ ที่เลือกตั้งมาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเข้าดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2537-2542 ในช่วงก่อนดำรงตำแหน่งงานเป็นแกนนำในการต่อต้านการเหยียดผิว ซึ่งพยายามแบ่งแยกคนผิวสีออกจากคนผิวขาวในอัฟริกาใต้ และถูกจำคุกนานถึง 27 ปี ในข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ก็ไม่เคยลดละความตั้งใจที่จะนำความเสมอภาคมาสู่ชาวผิวสีพื้นเมืองซึ่ง เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ และแล้วก็ทำได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการสันติภาพขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ จนได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 2536 แม้ปัจจุบันแมนเดลาจะละจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว ท่านก็ยังได้รับยกย่องอย่างสูงในฐานะรัฐบุรุษอาวุโสของประเทศ และยังคงเป็นที่รักของประชาชนชาวอัฟริกาใต้เสมอมา
คำคมของ เนลสัน แมนเดลา
It always seems impossible until it’s done.ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เสมอ จนกว่าจะลงมือทำจนเป็นรูปเป็นร่างAfter climbing a great hill, one only finds that there are many more hills to climb.หลังจากพิชิตภูเขาอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว คนเราจะค้นพบว่า ยังมีภูเขาอีกมากมายให้ปีนป่ายกันต่อไปThere is nothing like returning to a place that remains unchanged to find the ways in which you yourself have altered.ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการกลับไปยืนที่เดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างIf you want to make peace with your enemy, you have to work with your enemy. Then he becomes your partner.ถ้าเราอยากจะสร้างสันติกับศัตรู เราจะต้องจับมือกับศัตรู แล้วศัตรูก็จะกลายเป็นหุ้นส่วนของเราEducation is the most powerful weapon which you can use to change the world.การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงโลกIf you talk to a man in a language he understands, that goes to his head. If you talk to him in his language, that goes to his heart.หากคุณพูดกับใครสักคนด้วยภาษาที่เขาเข้าใจ คำพูดเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังสมองของเขาแต่หากคุณพูดกับใครสักคนด้วยภาษาของเขา คำพูดเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังหัวใจThe brave man is not he who does not feel afraid, but he who conquers that fear.คนกล้าหาญไม่ใช่คนที่ไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไร แต่คือคนที่เอาชนะความกลัวที่มีได้ต่างหากFreedom would be meaningless without security in the home and in the streets.เสรีภาพจะไม่มีความหมายเลย หากปราศจากความปลอดภัยในบ้านและท้องถนนResentment is like drinking poison and then hoping it will kill your enemies.ความขุ่นเคือง คือการที่คุณดื่มยาพิษ แล้วหวังให้ผู้อื่นตายIf there are dreams about a beautiful South Africa, there are also roads that lead to their goal.Two of these roads could be named Goodness and Forgiveness.หากเรามีความฝันถึงสังคมแอฟริกาใต้อันงดงาม ก็มี 2 เส้นทางที่นำพาให้ไปถึงจุดหมายนั้นได้ และ 2 เส้นทางที่ว่านั้น ชื่อว่า "ความดี" และ "การให้อภัย"
responsive-web-design คืออะไร?
ความหมาย และ ความสำคัญ ของ Responsive Web Design
ในปัจจุบัน Mobile Internet Users ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Mobile Devices นั้นมีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ขนาดและความละเอียดของหน้าจอแสดงผล(screen size and resolution) แนวของการแสดงผล(orientation) หรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการ(OS)
ถ้าเป็นสมัยก่อน เราต้องทำเว็บไซต์ออกมาหลายๆ version เช่น Desktop version กับ Mobile version เพื่อให้เว็บไซต์ของเรา สามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสมกับ Device นั้นๆ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านเวลาและค่าจ้างในการพัฒนา
Responsive Web Design คือ การออกแบบเว็บไซต์ด้วยแนวคิดใหม่ ที่จะทำให้เว็บไซต์ สามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสม บนอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน โดยใช้ โค้ดร่วมกัน URL เดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
หลักการของ Responsive Web Design
การจะทำ Responsive Web Design มักใช้เทคนิคหลายๆ อย่าง ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น Fluid Grid, Flexible Images และ CSS3 Media Queries
เริ่มแรกคือการทำ Fluid Grid ซึ่งก็คือการออกแบบ Grid ให้เป็นแบบ Relative ซึ่งก็คือการที่ไม่ได้กำหนดขนาดของ Grid แบบตายตัว แต่จะกำหนดให้สัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ เช่น กำหนดความกว้างแบบเป็น % หรือการใช้ font-size หน่วยเป็น em เป็นต้น
ต่อมาคือการทำ Flexible Images หรือการกำหนดขนาดของ Images ต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กับขนาดของหน้าจอแสดงผล หากรูปต้นฉบับมีขนาดใหญ่มาก เวลาแสดงในมือถือที่มีจอขนาดเล็ก ก็ควรลดขนาดลงมา เพื่อให้แสดงผลได้อย่างสวยงาม เป็นต้น
สุดท้ายคือการใช้ CSS3 Media Queries ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนด style sheets สำหรับ Devices ต่างๆ ได้ โดยส่วนใหญ่ เราจะเขียน style sheets พื้นฐานเอาไว้ ซึ่งกลุ่มนี้ จะไม่ขึ้นอยู่กับ Devices ใดๆ หลังจากนั้นให้เราเขียน style sheets สำหรับ Devices ที่มีขนาดหน้าจอที่เล็กสุด เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงขนาดใหญ่สุด ซึ่งการเขียนแบบนี้ จะช่วยลดความซ้ำซ้อนของโค้ด และยังทำให้การแก้โค้ดในภายหลังทำได้ง่ายอีกด้วย
ข้อเสียของ Responsive Web Design
อย่างไรก็ตาม Responsive Web Design ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง เนื่องจากการเขียนโค้ดเดียว ให้รองรับหลายๆ Devices จึงอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอขนาดเล็ก ถึงแม้เราจะซ่อนเนื้อหาบางส่วนที่ไม่จำเป็นเอาไว้ เช่น โฆษณา แต่ในบางเว็บบราวเซอร์ ข้อมูลเหล่านี้ยังจะถูกโหลดเข้ามาอยู่ รวมไปถึงเรื่องของ Image Resizing ที่เราไม่ได้ไปลด File Size ของตัว Image จริงๆ ทำให้โทรศัพท์มือถือจำเป็นต้องโหลดรูปเดียวกับรูปที่ใช้แสดงบน Desktop ทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น
Responsive Web Design ไม่ใช่พระเจ้า!
หลายๆท่าน คงจะเห็นแล้วนะครับว่า Responsive Web Design มีข้อดีอย่างไร และข้อเสียอย่างไร ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า Responsive Web จะมาแทนที่ Mobile Web ซึ่งผมคิดว่ามันก็ยังไม่ถูกซะทีเดียว Responsive Web ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของ performance รวมไปถึงเหตุผลทางเทคนิคบางประการทำให้มันยังไม่สามารถทำในสิ่งที่ Mobile Web สามารถทำได้ทั้งหมดครับ จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์อย่าง facebook และ yotube ยังมี Mobile Version อยู่ เพราะต้องการให้ผู้ใช้งาน ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด ซึ่ง Responsive Web ยังทำในจุดนี้ไม่ได้ทั้งหมด หากจะเปรียบกับสูท Responsive Web ก็เหมือนกับสูทแบบฟรีไซส์ ส่วน Mobile Web ก็เหมือนกับสูทแบบสั่งตัด ดังนั้น หากเพื่อนๆ คิดจะทำ Responsive Web อย่าลืมพิจารณาก่อนนะครับว่า มันตอบโจทย์ของเรามั้ย
Credit : http://www.siamhtml.com/
4 ปัจจัยสำคัญในการสร้างแบคลิงค์ (Backlink)
การสร้างแบคลิงค์ไปยังเว็บไซต์ หลายๆคนยังทำกันในแนวทางที่ไม่ค่อยถูกต้องกันสักเท่าไหร่ คิดว่ายิ่งเยอะยิ่งดีแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด การสร้างแบคลิงค์ที่ถูกต้องนั้น ควรคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาของเว็บไซต์ รูปแบบการสร้างลิงค์ หรือแม้กระทั่งการเขียนคอมเม้นต์ที่ดีไปพร้อมกัน โดยความเห็นส่วนตัวของผมไม่ค่อยชอบแนวทางการสแปมลิงค์สักเท่าไหร่ แต่เมื่อเราจำเป็นต้องทำแบคลิงค์ก็ควรทำแบบมีคุณภาพ พูดมาซะยาวทีนี้เรามาดูกันว่า 4 ปัจจัยสำคัญในการสร้างแบคลิงค์ มีอะไรบ้าง
1. Relevancy (relevant backlink)
ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหา เป็นส่วนนึงที่มีความสำคัญมากในการสร้างลิงค์ กล่าวคือเมื่อบอทเข้ามาเก็บข้อมูลบนเว็บไซท์ก็จะดูเนื้อหาของเว็บนั้นๆว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร และเมื่อมีลิงค์ออกจากหน้านั้นบอทก็จะทำการดูว่ามีลิงค์เชื่อมโยงไปยังเนื้อหาอะไร และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เพราะลิงค์ที่ออกจากเว็บไซท์นั้นเป็นเหมือนการ Reference ไปยังเนื้อหาอื่นๆเพิ่มเติม
2. Anchor Text < a href=" ">Text Links</ a>
อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่แล้ว การใส่คำหลัก (Keyword) ลงไปในลิงค์จะช่วยดันอันดับการค้นหาในเสิร์ชเอนจินให้กับคำที่เราใช้ จากเหตุผลที่ว่าเมื่อเราใช้คำไหนในการสร้างลิงค์ ก็จะเป็นการบอกกับบอทให้รู้ว่าเนื้อหาของเว็บที่จะทำการลิงค์ไปนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่คนมักลืมก็คือ ข้อความข้างๆที่ไม่ได้อยู่ในลิงค์ก็สำคัญเช่นกัน ควรวางลิงค์ใกล้ๆกับเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กัน
3. Status (.gov .edu …อื่นๆ)
โดเมนของแบคลิงค์นั้นก็สำคัญเช่นกัน การที่ได้แบคลิงค์จากโดเมนที่น่าเชื่อถือ ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลิงค์นั้นๆดูมีคุณภาพยิ่งขึ้น
4. Page Rank (Google PR)
คะแนน PR ของ Google จะถูกนำมาคำนวณการให้คะแนนสำหรับลิงค์ในหน้านั้นๆด้วย ยิ่งมี PR สูงแบคลิงค์ที่เราทำก็จะได้รับคะแนนสูงตามไปด้วย แต่อย่าลืมว่าปริมาณของลิงค์ออก (External Links) ก็สำคัญเช่นกัน หากมีลิงค์ออกมากคะแนนของแต่ละลิงค์ก็จะยิ่งลดลง ซึ่งไม่แน่ใจว่า Google คำนวณคะแนนยังไง แต่ถ้าตามความคิดและความรู้สึกง่ายๆก็น่าจะเป็น คะแนน PR หารด้วย External Links เช่น เว็บหน้านั้นมี PR4 และลิงค์ออก 2 ลิงค์ คะแนนแต่ละลิงค์ก็จะได้2คะแนน แต่ถ้าเว็บหน้าเดิมแต่มีลิงค์ออก 4 ลิงค์คะแนนแต่ละลิงค์ก็จะได้1คะแนน แบบนี้เป็นต้น
จาก 4 ปัจจัยข้างต้นนี้ หวังว่าจะพอมองกันออกนะครับว่าควรจะสร้างแบคลิงค์ยังไงให้เกิดประโยชน์กับเราที่สุด และหวังว่าจะไม่ Spam เว็บผมเช่นกันนะครับ ออ..อีกเรื่องครับผมเห็นมีคนเอาหน้าเว็บผมไปทำแบคลิงค์ให้ ไม่รู้ว่าหวังดีช่วยผมดันเว็บหรือว่าเพราะอะไร ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ
Google panda คืออะไร?
Google panda สำหรับผู้ที่ทำ SEO ก็คงจะรู้จักกันดี แต่สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำSEO ใหม่ๆ นั้น คงจะสงสัยว่า มันคืออะไร? วันนี้ผมจะมาแนะนำให้รู้จักกับ Google panda กันดีกว่าว่าจะน่ารักสู้ หลินปิง ได้รึเปล่า ^^
Google panda คืออะไร? สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นศึกษา SEO ใหม่ๆ อาจจะสงสัยนะครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำให้รู้จักกับ Google panda ตัวนี้ที่ Google ภูมิใจนำเสนอกันเลยทีเดียว Google panda นั้นเป็นโครงสร้างอัลกอริทึ่ม (Algorithm) ใหม่ของ Google เพื่อใช้คัดกรองเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหา คุณภาพต่ำ (Low Quality Site) ที่ทำการคัดลอกเนื้อหาข้อมูลมากจากเว็บไซต์อื่นๆ (Duplicate Content) ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อการค้นหา และจะไม่ถูกจัดเก็บ Index ซึ่งจะถูกตัดออกไปจากหน้าการค้นหา และในขณะเดียวกันเว็บไซต์คุณภาพสูง (High Quality Site) ซึ่งเป็นเจ้าของเนื้อหาเว็บไซต์จริงๆนั้น ก็จะมีอันดับที่ดีขึ้น อัลกอริทึ่มตัวใหม่ที่ออกมานี้มีผลกระทบประมาณ 11.8 % ของผลการค้นหาของเว็บไซต์โดยรวมทั้งหมด ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ อัลกอริทึ่ม นี้ทำมาเพื่อจัดการกับ พวกชอบปั่นเว็บ หรือ สแปมแบบใหม่หรือContent Farm ที่ให้คนเขียนเว็บ หรือ บล็อค ที่ "คุณภาพต่ำ" เพื่อช่วยดันให้เว็บตัวเองนั้นติดอันดับสูงๆ หรือ มาอยู่ในหน้าแรกของ Google นั่นเอง
Content Farm คืออะไร ? จากแหล่งข้อมูลหลายๆ แหล่ง อาธิเช่น Wiki หรือ เว็บไซต์ต่างๆ นั้นได้ให้ความหมายว่า เป็นเว็บไซต์ที่มีบทความเยอะแยะเต็มไปหมดโดยอาจจะรวบรวมมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง ซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นแหละครับ Google จะมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่ไม่มี คุณภาพ ก็จะถูกตัดลดอันดับออกไปGoogle panda จึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อคัดกรองข้อมูลเหล่านั้นอย่างแม่นยำ ส่วนชื่อ"Panda" นั้นก็ไม่มีอะไรมากครับเป็นชื่อหนึ่งในทีมงานที่ได้พัฒนาอัลกอลิทึ่มนี้ขึ้นมานั่นเอง ซึ่ง ทีม software engineer อย่าง Matt Cutts นั้นมั่นใจเป็นอย่างมากว่าการทำงานนี้จะได้ผลเกือบ 100 % ที่จะกรอง Content Farm จากนักทำ SEO ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
แนะนำ jquery barcode plugin สำหรับสร้างบาร์โค๊ด
จากบทความ Barcode คืออะไร?
วันนี้ผมจะมาแนะนำ jQuery Barcode Plugin เอาไว้สร้าง Barcode เพื่อใช้งานกันครับ ซึ่งสามารถรองรับชนิดของ Barcode ได้หลายแบบ เช่น ean8, ean13, code11, code39, code128, codabar
การใช้งานก็ไม่ยากครับเพียงแค่เรา include ไฟล์ jquery-barcode.js ก็สามารถเรียกใช้งาน jQuery Barcode Plugin เพื่อสร้างบาร์โค๊ดได้แล้ว
ดาวน์โหลด
- <script type="text/javascript" src="jquery-1.3.2.min.js"></script>
- <script type="text/javascript" src="jquery-barcode.js"></script>
การเรียกใช้งาน
- <div id="bcTarget"></div>
- $("#bcTarget").barcode("1234567890128", "ean13");
Prototype of the barcode function
- barcode: function(datas, type, settings)
datas
string
Value barcode (dependent on the type of barcode)
If barcode type include it, the presence of the checksum is not mandatory, it ise automatically recalculated
Value barcode (dependent on the type of barcode)
If barcode type include it, the presence of the checksum is not mandatory, it ise automatically recalculated
object
type : ean8, ean13, code11, code39, code128, codabar | |
---|---|
member | Type |
code | string |
type : std25, int25, code93 | |
---|---|
member | Type |
code | string |
crc | boolean |
type : msi | ||
---|---|---|
member | Type | |
code | string | |
crc | boolean | |
object | crc1 : string("mod10", "mod11") | |
crc2 : string("mod10", "mod11") |
type : datamatrix | |
---|---|
member | Type |
code | string |
rect | boolean (default : false) |
type (string)
- codabar
- code11 (code 11)
- code39 (code 39)
- code93 (code 93)
- code128 (code 128)
- ean8 (ean 8)
- ean13 (ean 13)
- std25 (standard 2 of 5 - industrial 2 of 5)
- int25 (interleaved 2 of 5)
- msi
- datamatrix (ASCII + extended)
settings (object)
visual configuration of the barcode
Parameter | Type | Default value | Detail | Limitation |
---|---|---|---|---|
barWidth | int | 1 | width of a bar | 1D |
barHeight | int | 50 | container height | 1D |
moduleSize | int | 5 | largeur / hauteur d'un module | 2D |
showHRI | bool | true | display text (HRI : Human readable Interpretation) | |
bgColor | text | #FFFFFF | background color | |
color | text | #000000 | barcode color | |
fontSize | int | 10 | font size of the HRI | |
output | text | css | output type : css, svg, bmp, canvas |
renderer : canvas | |||
---|---|---|---|
Parameter | Type | Default value | Detail |
posX | int | 0 | X origine |
posY | int | 0 | Y origine |
อ้างอิง : http://www.gu-soft.com/site/article/barcode-jquery-plugin.html
สมัครสมาชิก:
บทความ
(
Atom
)
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น